หวัดดีจ้าทุกคน
เจ๊เป็นสาวง่ามมีนามว่าเด็กดักแด้ เอ้ย ไม่ใช่ ชื่อดักแด้เฉยๆ (ทำไมถึงชื่อนี้นะเหรอ...เอ่อ ได้โปรดดูที่ริมฝีปาก ไอ้ฟันซี่ที่หรอไปน่ะอย่าไปสนใจ ตอนนี้มันขึ้นมาครบแล้ว) เจ๊มีเรื่องราวประสบการณ์การเรียนและการใช้ชีวิตต่างประเทศมาพล่ามให้ฟังเพียบเลย ณ เวลานี้เจ๊สิงสถิตย์อยู่ที่สวีเดน ใครมีโอกาสมาเที่ยวก็แวะเวียนมาจุดธูปกราบไหว้ได้ เจ๊ต้อนรับเด็กๆชาวไทยทุกคน (ยิ่งคนไหนทำกับข้าวเก่งทำความสะอาดเป็นนี่มาเล้ย มาเลย เจ๊ดูแลอย่างดีไม่มีบกพร่อง) เจ๊ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมาได้ 11 ปีแล้ว หลังจากจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 เจ๊ก็ไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษเป็นเวลา 2 ปีครึ่ง จากนั้นก็ไปเรียนที่สวิสอีก 4 ปี และไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่จับพลัดจับผลูแต่งงานกับหนุ่มสวีเดนหน้าตาเหมือนโรนัน คีทติ้ง (ตอนเป็นศพ) ทันทีหลังจากเรียนจบและได้ย้ายมาอยู่ที่ทางชายฝั่งตะวันตกของสวีเดนเป็นเวลา 3 ปีกว่าแล้ว ดังนั้นเจ๊รับประกันเลยว่าเรื่องที่เจ๊จะพล่ามให้ฟังต่อไปนี้นั้นมันส์สุดๆ เป็นเรื่องราวชีวิตจริงที่บุกตะลุยมาด้วยตัวเอง เจ๊ขอเริ่มตั้งแต่ตอนที่ไปเรียนที่อังกฤษใหม่ๆเลย เพราะคนเรานั้นมีการเติบโตเมื่อเวลาผ่านไป ความคิดเห็นตอนเด็กนั้นก็จะแตกต่างจากตอนที่โตขึ้นมาก สิ่งที่เจ๊มองเห็นในวันนั้นก็แตกต่างจากที่เห็นในวันนี้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งๆเดียวกัน ชีวิตคือการเรียนรู้ และสิ่งต่างๆที่เข้ามาในชีวิตเราก็คือประสบการณ์
ไปไงมาไงเจ๊ถึงได้ไปเรียนที่อังกฤษน่ะเหรอ เรื่องมันมีอยู่ว่า แต่น แตน แต๊นนนน มาระลึกชาติกันหน่อย ก็เมื่อตอนที่เจ๊ยังเป็นเด็กอมมือ เอ้ย เด็กสาวรุ่นๆกำลังจะขึ้น ม.4 ช่วงนั้นเมืองไทยเรามีโรคระบาดอย่างแรงแบบที่ไม่มียาอะไรมารักษาได้เลย สาวน้อยกับสาวไม่น้อย (รวมทั้งตุ๊ด) ต่างพากันเป็นโรคหลงใหลคลั่งไคล้เพลงและนักร้องต่างประเทศ ถ้าเพื่อนคนไหนในกลุ่มออกอาการอย่างว่า เชื้อมันจะแพร่ไปสู่อีกคนอย่างรวดเร็วมาก และในที่สุดก็บ้าตามกันทั้งกลุ่ม ยิ่งคนไทยเราชอบชาวต่างชาติอยู่แล้ว วัฒนธรรมของเค้าเราก็รับมาเกือบหมด ทั้ง
เพลง ทั้งกีฬา ทั้งการแต่งกายและการกินอยู่ เป็นช่วงฝรั่งฟีเวอร์มากๆ เจ๊เองก็เป็นหนึ่งในนั้น ชอบฟังเพลงภาษาอังกฤษ ดูรายการทำอาหารต่างประเทศ โอ๊ย สาระพัดสุดจะบรรยาย เลยลั่นวาจากับพระบิดาและพระมารดาว่า "ปาป๊ามาม้า ลื้ออยากเลี้ยงหลานน่าตาน่ารักๆมั้ยล่า" ทั้งสองก็มองหน้ากันเลิ่กลั่กๆประมาณว่างงเล็กน้อยถึงปานกลางก่อนที่จะถามเจ๊ว่า "อารายอีหมวยน้อย อย่าบอกนะว่าอายุแค่ 16 ลื้อจามีลูกเลี้ยว แล้วปายท้องกับครายมา วังๆเห็งอยู่แต่บ้างม่ายออกปายหนาย ครายเขามาเสกควายส่ายท้องลื้อรึป่าว" เจ๊หงุดหงิดเล็กน้อยก่อนที่จะบอกไปว่า "โห ดูป๊าพูดเข้า ทำยังกับว่าอั๊วะน่ะเป็นนางมารร้ายมีแต่คนเกลียดขี้หน้า และถึงแม้จะเป็นจริงแต่สมัยนี้เขาไม่มีแล้วเสกคงเสกควายเข้าท้อง อั๊วะน่ะหมายความว่าถ้าอั๊วะมีแฟนฝรั่ง ลื้อสองคนก็จาล่ายมีหลานน่าตาน่ารักๆไง" สองผู้เฒ่าเริ่มเข้าใจและเริ่มเห็นดีเห็นงามตามไปด้วยพร้อมมองหน้าเจ๊แล้วก็บอก "เออ ก็ลีเหมืองกังนา จมูกบี้ๆปากเจ่อๆอย่างลื้อคงม่ายมีใครเขามาเอา แถมนิสายก็ม่ายลี คงแต่งม่ายออกแน่ๆ พวกฝรั่งมังไม่ค่อยเรื่องมาก มังอาจหน้ามืกมาชอบลื้อก็ล่าย" นั่นแน่ะ เริ่มเข้าทีเจ๊แล้ว ได้ทีปุ้บเจ๊เลยบอกให้ผู้เฒ่าส่งเจ๊ไปเรียนที่อังกฤษ มาอีหรอบนี้แกออกอาการอิดออดๆ "ทามมายต้องปายกลายขนากนั้ง เลียงที่เมืองทายก็ล่าย เอางี้ ค่าเล่าเลียงที่อั๊วะจาส่งลื้อไปต่างปาเทกหน่า อั๊วะอาวปายสร้างหมู่บ้างคางทองนิเวกห้ายลื้อลีกว่า เอาม้าย อั๊วะจาสร้างห้ายหย่ายๆเลย"
เพลง ทั้งกีฬา ทั้งการแต่งกายและการกินอยู่ เป็นช่วงฝรั่งฟีเวอร์มากๆ เจ๊เองก็เป็นหนึ่งในนั้น ชอบฟังเพลงภาษาอังกฤษ ดูรายการทำอาหารต่างประเทศ โอ๊ย สาระพัดสุดจะบรรยาย เลยลั่นวาจากับพระบิดาและพระมารดาว่า "ปาป๊ามาม้า ลื้ออยากเลี้ยงหลานน่าตาน่ารักๆมั้ยล่า" ทั้งสองก็มองหน้ากันเลิ่กลั่กๆประมาณว่างงเล็กน้อยถึงปานกลางก่อนที่จะถามเจ๊ว่า "อารายอีหมวยน้อย อย่าบอกนะว่าอายุแค่ 16 ลื้อจามีลูกเลี้ยว แล้วปายท้องกับครายมา วังๆเห็งอยู่แต่บ้างม่ายออกปายหนาย ครายเขามาเสกควายส่ายท้องลื้อรึป่าว" เจ๊หงุดหงิดเล็กน้อยก่อนที่จะบอกไปว่า "โห ดูป๊าพูดเข้า ทำยังกับว่าอั๊วะน่ะเป็นนางมารร้ายมีแต่คนเกลียดขี้หน้า และถึงแม้จะเป็นจริงแต่สมัยนี้เขาไม่มีแล้วเสกคงเสกควายเข้าท้อง อั๊วะน่ะหมายความว่าถ้าอั๊วะมีแฟนฝรั่ง ลื้อสองคนก็จาล่ายมีหลานน่าตาน่ารักๆไง" สองผู้เฒ่าเริ่มเข้าใจและเริ่มเห็นดีเห็นงามตามไปด้วยพร้อมมองหน้าเจ๊แล้วก็บอก "เออ ก็ลีเหมืองกังนา จมูกบี้ๆปากเจ่อๆอย่างลื้อคงม่ายมีใครเขามาเอา แถมนิสายก็ม่ายลี คงแต่งม่ายออกแน่ๆ พวกฝรั่งมังไม่ค่อยเรื่องมาก มังอาจหน้ามืกมาชอบลื้อก็ล่าย" นั่นแน่ะ เริ่มเข้าทีเจ๊แล้ว ได้ทีปุ้บเจ๊เลยบอกให้ผู้เฒ่าส่งเจ๊ไปเรียนที่อังกฤษ มาอีหรอบนี้แกออกอาการอิดออดๆ "ทามมายต้องปายกลายขนากนั้ง เลียงที่เมืองทายก็ล่าย เอางี้ ค่าเล่าเลียงที่อั๊วะจาส่งลื้อไปต่างปาเทกหน่า อั๊วะอาวปายสร้างหมู่บ้างคางทองนิเวกห้ายลื้อลีกว่า เอาม้าย อั๊วะจาสร้างห้ายหย่ายๆเลย"
นั่นแหละคือบุพการีของเจ๊ แต่ถึงแม้จะบ่นนู่นบ่นนี้ สุดท้ายแล้วเขาก็ส่งเจ๊ไปเรียนอยู่ดี เพราะเวลาสามปีสุดท้ายของ ม.ปลายเจ๊ฮึดลูกบ้าเที่ยวล่าสุดมาใช้ ทั้งขยันฝึกภาษาอังกฤษ เยอรมัน ขยันทำขนมแล้วเอาไปบังคับขายเพื่อนกับรุ่นน้องที่โรงเรียน อบคุ้กกี้จากบ้านไปทุกอาทิตย์ ค่าขายขนมน่ะเจ๊ได้ แต่ค่าไฟอบขนมกับค่าวัตถุดิบน่ะปาป๊าออก เวลาไปเรียนเจ๊อยู่หอ เสาร์อาทิตย์กลับมาอยู่บ้านก็มักจะตุนขนมเอย ผลไม้เอยกลับหอทุกที แล้วลงบัญชีให้ปาป๊าไปจ่ายทุกสิ้นเดือน เงินเดือนที่ปาป๊าให้มาเก็บหมดไม่เคยใช้ซักบาท (พอเรียนจบมีเงินเก็บเยอะแยะเลย ปาป๊าบอก "ก็เงิงอั๊วะทั้งนั้ง") เจอหน้าญาติโกโหติกาเจ๊ไถหมด มีทั้งทบยอดที่ไม่ได้เจอกันมากี่ปีๆก็ว่าไป รวมทั้งขอล่วงหน้าเผื่อไม่ได้เจอกันอีกด้วย เจ๊รับแปลข่าวภาษาอังกฤษให้กับเพื่อนๆ แปลถูกแปลผิด มั่วเอาก็มี เงินน่ะจะเอาแต่ความรับผิดชอบไม่ค่อยมี ก็เด็กอ่ะ แต่ยังไงก็ตามความพยายามก็มากเพียงพอที่ทำให้ปาป๊าเห็นความตั้งใจจริงว่าจะไปเรียนต่อให้ได้ แถมเจ๊สอบวัดผลภาษาอังกฤษ IELTS ผ่านตั้งแต่ ม. 5 ได้คะแนน 5.00 ซึ่งนับว่าพอดีกับที่ทางอังกฤษเขากำหนด ปาป๊าเลยยอมยกธงขาว
ที่กรุงเทพมักจะมีนิทรรศการศึกษาต่อต่างประเทศอยู่เรื่อยๆ เจ๊ก็ไปดูมาหลังจากที่ไปปรึกษามากับสองสามสถาบันรับจัดการหาโรงเรียนต่างประเทศให้นักเรียนไทยซึ่งไม่ถูกใจ ก็ได้มาเจอศูนย์ฮามิลตั้นที่นิทรรศการ เขาโปรโมท Chichester College ของแถบ West Sussex ที่ประเทศอังกฤษ แถมมีลดราคาค่าเรียนให้ด้วย 1000 ปอนด์ จากราคาเต็ม และให้เรียนภาษาอังกฤษช่วงซัมเมอร์ฟรี เออ เข้าท่า เลยตัดสินใจเลือกที่นี่ เพราะดูจากรูปแล้วทุกอย่างก็ดูดี สถานที่เรียนดูเป็นระเบียบเรียบร้อย เมืองก็น่ารักกะทัดรัด อยู่ห่างจากลอนดอนไปทางตะวันตกเฉียงใต้ นั่งรถไฟก็เกือบสองชั่วโมง เจ๊ไม่ชอบเมืองใหญ่ คงเป็นเพราะอ่านการ์ตูนมาก แล้วเวลาเขาวาดเกี่ยวกับชีวิตชนบทที่อังกฤษน่ะดูมันช่างคลาสสิคดีจัง มีฟาร์ม มีสัตว์เลี้ยง มีธรรมชาติ เก็บลูกเบอร์รี่ตามป่า ขี่ม้าไปตกปลาที่ลำธาร โอ๊ย เจ๊ล่ะชอบเรื่องแบบนี้ เมืองใหญ่ๆกับแสงสีน่ะไม่ได้กินเงินชั้นหรอก
1 comment:
Please follow up!
Post a Comment