Wednesday, 25 August 2010

ชีวิตในช่วงแรกของการเรียนที่ Chichester

         
             

  วันเดินทางออกจาก เมืองไทย ปาป๊าและเพื่อนๆพากันไปส่ง มาม้าน่ะเหรออย่าถามเล้ยยย เข้านอนตั้งแต่สองทุ่มครึ่งทุกวัน 



          ทางศูนย์เค้าจะจัดการให้ทุกอย่าง ค่าดำเนินการการติดต่อก็แค่สามพันกว่าบาท แถมทำวีซ่า จองตั๋วเครื่องบิน และจัดหาที่พักอาศัยให้ด้วย นั่นเป็นครั้งแรกที่เดินทางไปต่างประเทศ แถมไปคนเดียวด้วย ไม่รู้สึกกลัวอะไร แต่ตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็นมากกว่า ฝันที่เป็นจริงว่างั้นเถอะ เจ๊เลือกไปเรียนภาษาอังกฤษก่อนสามอาทิตย์เพื่อที่จะได้คุ้นกับสำเนียงคนที่นั่น ก็เหมือนเมืองไทยเรานี่แหละที่แต่ละภาคของประเทศก็จะมีสำเนียงการพูดที่แตกต่างกันไป แถบที่เจ๊อยู่นั้นเป็นเมืองผู้ดี คนค่อนข้างมีฐานะและส่วนมากเป็นคนสูงอายุ บ้านที่เจ๊ไปอยู่หลังแรกนั้นค่อนข้างไกลจากวิทยาลัย เค้ามีจักรยานให้ ห้องเจ๊เล็กกะติ้ดเดียว มีเตียง มีโต๊ะเขียนหนังสือแล้วก็มีตู้เสื้อผ้าเล็กๆอัดกันอยู่ ขนาดเท่าห้องน้ำบ้านเราเลยมั้ง บางห้องน้ำคงใหญ่กว่าอีก ไม่มีที่ไว้ของขนาดที่กระเป๋าเดินทางยังต้องยัดไว้ใต้เตียง ห้องน้ำก็ใช้รวมกับห้องน้้ำลูกชายตัวเล็กๆสามคนของเจ้าของบ้าน วันธรรมดาเขามีอาหารเช้าและอาหารเย็นให้ ส่วนเสาร์อาทิตย์มีให้ทั้งสามมื้อ แต่ถ้าเขาไม่อยู่เขาก็เตรียมไว้ให้แล้วเราไปอุ่นในไมโครเวฟเอง บ้านนี้ให้อาหารค่อนข้างเยอะ แต่ภรรยาเจ้าของบ้านไม่ค่อยเป็นมิตร แถมเจ้าลูกคนกลางอายุราวๆ 8 ขวบก็เกเรกวนประสาทเจ๊ ถ้าเป็นที่เมืองไทยเจ๊คงบีบบคอลูกกะตาทะลักแล้ว อยู่ไปได้ 3 อาทิตย์เจ๊ย้ายออก ก็ไปติดต่อที่ศูนย์ดูแลบ้านพักนักเรียน พอได้ย้ายมาที่ใหม่ก็ค่อนข้างดี บ้านใหฐ่มาก ห้องเจ๊ก็แสนสวย มีนักเรียนคนอื่นอยู่ด้วยอีกสี่ห้าคน ภรรยาเจ้าของบ้านเป็นคนเกาหลี มีลูกเล็กๆสองคน กับหมาตัวใหญ่ขนฟูสองตัว เจ๊ไม่ชอบเด็กเล็กง่ะ รำคาญเสียง แต่หมาน่ะแทบจะขโมยเค้ามาเลยนะวันที่ย้ายออก ก็อยู่ไปได้อีก 3 อาทิตย์ก็ทนไม่ไหว แม่บ้านขี้งกเหลือเกิน ทำอาหารทีก็มีแต่เส้นก๋วยเตี๋ยว เนื้อนี่แทบจะไม่มี เจ๊เลยขอเปลี่ยนเป็นบ้านแบบ self - catering ซึ่งเราอาศัยอยู่กับเค้าแต่ทำอาหารเอง ค่าเช่าอาทิตย์ละ 50 ปอนด์ ส่วนบ้านที่เค้าทำอาหารให้นั้นจ่าย 75 ปอนด์ มีที่พักในโรงเรียนและอพาร์ทเมนท์ให้เลือกด้วย แต่เจ๊ชอบอยู่บ้านเพราะมันสวยกว่า มารู้ทีหลังว่าคิดผิด การได้อยู่คนเดียวนั้นน่ะมีความสุขที่สุดแล้วขอบอก




Chichester Cathedral ในเมือง Chichester ที่เจ๊ไปเรียน
          




บ้านหลังที่สามที่ไปอาศัยเค้าอยู่จนจบปีแรกของการศึกษา



          บ้านหลังที่สามที่เจ๊ย้ายมาอยู่ก็เป็นที่ๆเจ๊อยู่จนจบปีแรกเลย บ้านหลังใหญ่ สวยมาก มีสวนที่เรียกว่าโคตรกว้าง เดินเกือบสองนาทีกว่าจะไปถึงสุดสวนซึ่งมีคลองไหลผ่าน มีที่นั่งชมวิว สวนส่วนที่ติดกับบ้านนั้นน่ารัก มีดอกไม้ มีกุหลาบเลื้อยสวยมาก เค้าปลูกผักสวนครัวและมีสมุนไพรทางยุโรปอย่างมาจอแรม ไธม์ ออริกาโน่ สวนส่วนที่สองจะมีต้นแพร์กับแอ็ปเปิ้ล เก็บกินไม่หวาดไม่ไหว เจ๊เอามาทำพายประจำ สวนส่วนที่สามซึ่งกล้าวและยาวนั้นมีสนามเทนนิสด้วย พ่อบ้านเคยเป็นกับตันมาก่อน ตอนนี้เป็นครูฝึกสอนนักเรียนการบิน เขาเลยค่อนข้างมีเงิน เจ๊มีครัวห้องน้ำส่วนตัว มีอ่างอาบน้ำด้วย มีห้องนั่งเล่นส่วนตัว มีเปียโนให้เล่น มีเตาผิง โอ๊ย เหมือนอยู่ในวิมาน เจ้าของบ้านมีแมวน่ารักสองตัว 
บางวันมันก็เอาของขวัญมาให้เจ้าของ เป็นนกบ้าง หนูบ้าง แล้วแต่มันจับอะไรได้มันก็เอามาวางไว้ที่หน้าประตูบ้าน




สวนอันสวยงาม เจ๊ชอบไปเดินเล่นแล้วติ๊ต่างว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิง องครักษ์ที่เดินย่องขนาบซ้ายขวาก็แมวของเจ้าของบ้าน

  

           ส่วนการเรียนภาษานั้นสนุกมาก มีเพื่อนมาจากหลายประเทศ ทุกคนนิสัยดีทั้งนั้น เราใช้เวลาร่วมกันอย่างสนุกสนาน จันทร์ถึงพฤหัศเรียนเก้าโมงถึงสามโมงบ้างสี่โมงบ้าง เรียนไม่หนัก มีเวลาพักเยอะ วันศุกร์เรียนครึ่งวัน วันเสาร์เค้าจัดทรรศนะศึกษาไปเมืองนู้นเมืองนี้ก็ให้เราเลือกว่าอยากไปไหน อาทิตย์แลกเจ๊เลือกไป London ตอนเช้าทุกคนก็จะไปเจอกันที่วิทยาลัยตามเวลาที่นัดหมาย นั่งรถบัสไปกัน ต่างคนต่างเอาขนมมาแบ่งกันกิน ดีที่ระหว่างทางเจ๊เจอต้นลูกแบล็คเบอร์รี่ ออกลูกเยอะมากเลยเด็ดมาซะถุงเบ้อเริ่ม ตอนยืนเด็ดคนผ่านไปมาเค้าคงมองเนอะว่าอีหัวดำนี่มันไม่มียางอายเลยนะ มายืนเก็บเป็นชั่วโมงๆ อ้าว ด้านได้อายอดอ่ะ เจ๊ไม่สนหรอก อร่อยซะอย่าง
 


เพื่อนๆที่น่ารักและนิสัยดีมากทุกคน ซัมเมอร์คอร์สเป็นช่วงเวลาที่สนุกมาก



           ลอนดอนก็สมเป็นเมืองหลวงล่ะนะ นักท่องเที่ยวเยอะมาก เราก็ทำตัวให้เข้ากับสถานการณ์ซะเลยโดยไปดูพระราชวังบั้คกิ้งแฮม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ โคเว้นท์การ์เด้นที่มีของมากมายหลายอย่างขาย มีร้านน้ำชาผู้ดีให้นั่งจิบพร้อมขนมสโคนอบเนยใหม่ๆ หอมเชียว แต่เจ๊ก็ทำเป็น ไม่เสียเงินซื้อหรอก แต่เจ๊ไปซื้อหนังสือต่างหาก ที่อังกฤษมีหนังสือลดราคาเยอะ ยิ่งถ้าเป็นที่ตลาดแบบนี้ก็ต่อได้ เจ๊ได้หนังสือเกี่ยวกับเทพยดานางฟ้าของพวกต้นไม่ดอกไม่มาอ่านเล่น เห็นเจ๊บ้าพลังแบบนี้จริงๆแล้วเจ๊อ่อนไหวนะ ชอบอะไรกระจุ๊กกุ๊กกิ๊ก น่ารักๆแบบนี้แหละ แต่ไม่บอกใครหรอก เดี๋ยวภาพพจน์นางมารร้ายของเจ๊จะหายไปแล้วพวกลูกน้องจะไม่ยำเกรง อย่าไปบอกใครนะ



ไปเที่ยวลอนดอนกับเพื่อนๆ



           พักกลางวันเราไปนั่งเล่นที่สนามไฮด์ปาร์ค ว่าจะไปดูพิพิธภัณ์หุ่ขี้ผึ้งมาดามทุดซาร์ดแต่คนต่อคิวเยอะมาก เลยเดินเล่นแถวๆ South Kensington จากนั้นก็กลับไปรอเพื่อนๆที่รถบัส อาทิตย์ที่สองเจ๊ไป Oxfrord เป็นเมืองที่มีตึกรามบ้านช่องสวยงามมาก แต่เมืองมันเล็ก เดินแป้บเดียวก็ทั่ว อาทิตย์ที่สามก็ตามเพื่อนไป London อีกรอบ สมัยนั้นสนามบินหลักๆก็มีแต่รอบๆเมืองหลวงอ่ะนะ จะเดินทางไปต่างประเทศก็ต้องไปขอวีซ่าเพราะอังกฤษไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศเเช็งเก้น อยู่ที่อังกฤษ3 ปีครึ่งเรียกว่าเข้าออกเมืองหลวงจนเอียน ทุกวันนี้ให้กลับไปไม่เอาอีกแล้ว 


           เป็นโชคดีของเจ๊ที่หางานพิเศษทำได้ก่อนหน้าที่จะเริ่มเรียน เจ๊เห็นเค้าประกาศหาคนงานให้แมคโดนัลด์ พอไปสมัครก็ได้เลย นักเรียนอย่างเราทำงานได้อาทิตย์ละ 20 ชั่วโมง ค่าจ้างตอนนั้น 3.50 ปอนด์ เจ๊ก็ทำช่วงเสาร์อาทิตย์น่ะแหละ พอเริ่มเรียนมาก็เริ่มยุ่ง งานก็เยอะ เอ้อ ลืมบอกไปเจ๊ไปเรียน Hospitality & Catering Management GNVQ Advanced ซึ่งเป็นระดับอนุปริญญา การเรียนก็มีทั้งยากทั้งง่าย วิชาที่เรียนก็จะมี IT, Customer Service, Food Science, Investigation in Hospitality, Hospitality Operation แล้วอะไรอีกก็จำไม่ได้แล้ว ยิ่งแก่ยิ่งความจำไม่ค่อยดี มีทำอาหารกับเสิร์ฟด้วย อย่างแรกน่ะชอบ อย่างที่สองน่ะไม่ เพื่อนๆชาวอังกฤษก็มีทั้งนิสัยดีบ้าง ไม่ดีบ้าง แต่ก็ไม่มีใครไม่ดีกับเรา เพื่อนสนิทในห้องของเจ๊เป็นสาวญี่ปุ่นชื่อมิสุซุ หน้าตาน่ารักมาก แต่งตัวก็ดี ส่วนเพื่อนสนิทที่คบมาจนถึงทุกวันนี้ก็คือจีนนี่สาวเดนมาร์คกับแครี่สาวลูกครึ่งอังกฤษกับสก็อต แต่ไปโตที่เคนย่า เราไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ เรียกว่าเป็นสามใบเถา ที่บ้านพักก็มีสาวกรีกเข้ามาอยู่ด้วยแต่แค่สามเดือนเพราะเธอมาเรียนภาษาเท่านั้น เธอนิสัยดีมาก เป็นที่พึ่งทางใจของเจ๊โดยแท้ อยู่ห่างบ้านถ้าไม่มีเพื่อนน่ะเหงานะ ยิ่งเราคนเอเชียเคยใช้ชีวิตที่เจอแต่แสงสว่างทุกวันๆแบบนี้พอไปอยู่อังกฤษหรือประเทศยุโรปทางเหนือน่ะบางทีเครียดถึงขนาดต้องไปหาหมอเลยก็มี แต่ส่วนมากจะเป็นช่วงฤดูหนาวเท่านั้น เค้าเรียกกันว่า Winter depression ซึ่งแม้แต่คนร่าเริงอย่างเจ๊เองก็เป็นตอนอยู่อังกฤษปีที่สอง ตอนอยู่สวิสไม่เป็นเพราะมีความสุขขนาดที่ความมืดก็ทำอะไรเจ๊ไม่ได้ ตอนนี้อยู่สวีเดนก็เป็นอีกเพราะความหนาวเย็นมันทารุณมาก ที่อังกฤษกับสวีเดนนั้นหนาวมากกว่าสวิสกับประเทศในภาคพื้นยุโรปเพราะเป็นเกาะ ติดทะเล มีทั้งลมทั้งความชื้น เจ๊อยู่สวิสสี่ปีไม่เคยมีปัญหากับหน้าหนาวเลยแม้อุณหภูมิจะเท่ากันกับที่สวีเดนหรืออังกฤษก็เถอะ 



งานพิเศษที่ McDonald's ผู้จัดการสองคนที่เป็นเกย์ร้ากกกกกกกเจ๊มาก



สนุกสนานกับเพื่อนๆในห้องเรียน แกล้งเค้าประจำ ทุกคนน่ารักมาก



           เป็นนักเรียนที่อังกฤษมีดีอยู่อย่างคือทุกๆเดือนครึ่งเค้าจะมี Half Term ซึ่งปิดจันทร์ถึงศุกร์ รวมเสาร์อาทิตย์ก่อนและหลังแล้วก็ 9 วัน จากนั้นเรียนไปอีกเดือนครึ่งก็จะเป็นหยุดเทศกาล Christmas อีก 3 อาทิตย์ เรียนไปอีกเดือนครึ่งก็หยุด Half Term 9 วัน จากนั้นเหมือนกันอีกเดือนครึ่งก็เป็นหยุดเทศกาล Easter อีก 3 อาทิตย์ ช่วงหยุดครั้งแรกๆนั้นไม่ได้ไปไหนเพราะยังไม่รู้อะไรมากมาย ไม่ได้มีความคิดอยากเดินทางไปต่างประเทศเท่าไหร่ ก็ขลุกอยู่ที่บ้านเพื่อนๆ ช่วงนี้แม่บ้านเขาจะขอให้เราไปพักที่อื่นเพราะจะมีแขกมาเยี่ยมเขา พอเรียนเริ่มหนัก อากาศเริ่มซบเซาก็เริ่มออกอาการคอตกเป็นไก่หงอย แบบว่าตื่นมาฟ้าก็มืด ไปเรียนเลิกสามโมงสี่โมงออกมาฟ้าก็มืด เจ๊ซื้อจักรยานเองก็ปั่นไปนู่นไปนี่ หนาวก็หนาว ลมพัดกระแทกหน้าแบบว่าจะเอาให้บุบสลายไปเลย ช่วงนี้เจ๊จะออกอาการกลัวน้ำ เริ่มหงุดหงิด บางทีก็ร้องไห้ ดีที่ได้รู้จักพี่คนไทยที่เขาแต่งงานกับหนุ่มผู้ดีมีบ้านหลังใหญ่เป็นฟาร์มวัวนมอยู่เมือง Petworth เป็นชนบทที่ไม่ไกลจาก Chichester มากนัก ช่วงไหนเหงาๆเจ๊ก็ไปนอนค้างที่บ้านพี่อ้อยเขา เขามีลูกสองคนน่ารักมาก มีความเคารพและเรียบร้อย ก็อย่างว่า คนไทยเรายังไงๆก็ต้องสอนลูกดีอยู่แล้ว บ้านพี่เขาสวยมากเลย มองจากหน้าต่างออกไปเป็นทุ่งหญ้า จากบ้านจากเมืองเรามาในที่สุดก็ได้พูดภาษาไทย ได้กินอาหารไทยอร่อยๆเลยรู้สึกดีขึ้น



ฟาร์มเฮ้าส์ที่แสนสวยของพี่อ้อยในชนบทอันสงบของอังกฤษตอนใต้

No comments: